อิเหนา




อิเหนา 
ตอน ศึกกะหมังกุหนิง

ผู้ต่ง บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ 
ลักษณะคำประพันธ์ เป็นกลอนบทละคร (กลอนบทละครมีลักษณะบังคับเหมือนกลอนแปด แต่ละวรรคจะขึ้นด้วยคำว่า เมื่อนั้น บัดนั้น และ มาจะกล่าวบทไป)
จุดมุ่งหมายของบทละคร เพื่อใช้ในการแสดงละครใน(ละครใน เป็นละครรำ ใช้ผู้หญิงแสดงล้วน)
เนื้อหา มีความไพเราะ มีกระบวนการเล่นละคร และยังสะท้อนถึงประเพณีไทยในอดีต แม้บทละครรำเรื่อง อิเหนา จะมีพื้นเพมาจากชวา แต่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ก็ทรงปรับแก้ให้เข้ากับธรรมเนียมของบ้านเมือง และรสนิยมของคนไทย

ความเดิมของวรรณคดีเรื่อง อิเหนา

        ในดินแดนชวาโบราณ มีกษัตริย์วงศ์หนึ่งที่ชื่อว่า วงศ์สัญแดหวาหรือวงศ์เทวา สืบเชื้อสายมาจากเทวดา ใช้คำนำหน้านามว่า ระเด่น ส่วนกษัตริย์นอกวงศ์นั้น จะใช้คำนำหน้านามว่า ระตู 
        ท้าวปะตาระกาหลา มีโอรส 4 พระองค์ ครองเมือง 4 เมือง ได้แก่ 
            องค์แรกครองเมืองกุเรปัน ชื่อ ท้าวกุเรปัน (ประไหมสุหรีเมืองกุเรปัน คือ ธิดาองค์โตของระตูหมันหยา นามว่า นิหลาอระตา)
            องค์ที่สองครองเมืองดาหา ชื่อท้าวดาหา  (ประไหมสุหรีเมืองดาหา คือ ธิดาองค์รองของระตูหมันหยา นามว่า ดาหราวาตี)
            องค์ที่สามครองเมืองกาหลัง ชื่อท้าวกาหลัง 
            องค์ที่สี่ครองเมืองสิงหัดส่าหรี ชื่อท้าวสิงหัดส่าหรี

      
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ตําแหน่ง เมีย อิเหนา

  

        ระเด่นจินดาส่าหรี พระธิดาองค์สุดท้อง ได้สมรสกับโอรสของท้าวมังกัน ผู้ครองเมืองมังกัน ต่อมาทั้งจินดาส่าหรีและโอรสของท้าวมังกัน ได้มาครองเมืองหมันหยา ทำให้โอรสของท้าวมังกัน จึงมีชื่อเรียกขานเป็น ระตูหมันหยา

        ทั้งนี้ ท้าวกุเรปันมีพระโอรสองค์แรกกับลิกู พระมเหสีองค์ที่ 4 ชื่อว่า กะหรัดตะปาตี  มีโอรสองค์ที่ 2 กับประไหมสุหรี นิหลาอระตา คือ อิเหนา หรือ ระเด่นมนตรี  และมีพระธิดาชื่อ วิยะดา ส่วนท้าวดาหามีธิดาองค์แรกกับประไหมสุหรี ดาหราวาตี คือ บุษบา และมีโอรสอีกหนึ่งพระองค์คือ สียะตรา ท้าวทั้งสองพระองค์จึงหมั้นบุษบาไว้กับอิเหนา และหมั้นสียะตราไว้กับวิยะดา
                 
         ด้านระตูหมันหยากับประไหมสุหรี จินดาส่าหรี มีพระธิดาคือ จินตะหราวาตี ขณะที่ท้าวสิงหัดส่าหรีกับประไหมสุหรี ก็มีพระโอรสคือ ระเด่นสุหรานากง และพระธิดาชื่อว่า จินดาส่าหรี ส่วนท้าวกาหลังมีพระธิดาคือ สการะหนึ่งหรัด และเป็นคู่หมั้นของ ระเด่นสุหรานากง 

         หลังจากที่พระอัยกาเมืองหมันหยาสิ้นพระชนม์ ท้าวกุเรปันจึงสั่งให้อิเหนาเข้าร่วมพิธีถวายพระเพลิงพร้อมกับกะหรัดตะปาตี ในระหว่างนั้นเอง อิเหนาได้พบจินตะหราวาตีจึงเกิดหลงรัก และเมื่อเสร็จงานก็ไม่ยอมกลับเมืองกุเรปัน ท้าวกุเรปันจึงอ้างว่า พระมเหสีประไหมสุหรีกำลังจะมีพระประสูติกาล ขอให้อิเหนากลับเมืองด่วน เมื่ออิเหนากลับมาก็เห็นพระราชมารดาให้กำเนิดพระธิดานาม วิยะดา
         
         แต่ถึงกระนั้น อิเหนายังพยายามกลับเมืองหมันหยาอีกครั้ง โดยออกอุบายปลอมเป็นโจรป่าชื่อว่า มิสารปันหยี  ระหว่างทางได้รบกับระตูบุศิหนา เจ้าเมืองบุศิหนา จนระตูบุศิหนาเสียชีวิต นางดรสาอันเป็นมเหสีของระตูบุศิหนา จึงกระโดดเข้ากองไฟตายตามสามี ด้านระตูจะรากันและระตูปักมาหงัน พี่ชายของระตูบุศิหนา ได้ขอยอมแพ้ จึงถวายพระโอรสและธิดาให้กับอิเหนา คือ นางสะการะวาตี  นางมาหยารัศมี และสังคามาระตา เมื่ออิเหนาเข้าเมืองหมันหยาจึงได้ลักลอบพบนางจินตะหราวาตี อีกทั้งยังได้นางสะการะวาตี และนางมาหยารัศมีเป็นชายา พร้อมกับยกย่องให้ สังคามาระตา เป็นน้องชาย
         
         อย่างไรก็ตาม ท้าวกุเรปันได้เรียกอิเหนากลับเมืองอีกครั้ง เพื่อจัดงานอภิเษกของอิเหนาและนางบุษบา แต่อิเหนาไม่ยอมกลับ ท้าวกุเรปันและท้าวดาหาจึงขุ่นเคืองใจกัน และทำให้ท้าวดาหาหลุดปากออกมาว่า หากใครอยากได้นางบุษบาจะยอมยกให้
         
         ด้านจรกา หนุ่มรูปชั่วตัวดำ ซึ่งเป็นระตูเมืองเล็กเมืองหนึ่ง และเป็นพระอนุชาของท้าวล่าส่ำ มีความใฝ่ฝันอยากได้ชายารูปงาม จึงให้ช่างไปแอบวาดภาพนางจินดาส่าหรี  ธิดาของเมืองสิงหัดส่าหรีมาให้ดู แต่เมื่อทราบว่านางบุษบาสวยมากจึงสั่งให้ช่างไปวาดภาพนางบุษบาอีก โดยวาดได้ตอนที่นางบุษบาเพิ่งตื่นบรรทมและแต่งองค์เต็มที่ แต่ภาพที่แต่งองค์เต็มที่หายไปขณะอยู่ในป่า แต่เพียงจรกาได้เห็นแค่ภาพของบุษบาตอนตื่นบรรทมก็ถึงกับหลงรักจนถึงขั้นสลบไปเลย และยิ่งทราบว่าบุษบาร้างคู่ตุนาหงัน จึงหมายจะมาสู่ขอบุษบา ท้าวดาหาซึ่งลั่นวาจาไว้แล้วว่า หากใครมาขอบุษบาก็จะยกให้ จึงยอมยกนางบุษบาให้จรกา และให้ทั้งสองคนแต่งงานภายใน 3 เดือน


เรื่องย่อ อิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุหนิง

          ด้านกษัติร์ย์อีกวงศ์หนึ่งคือ ท้าวกะหมังกุหนิง มีพระโอรสคือ วิหยาสะกำ ครองเมืองปาหยัง  และโอรสอีกพระองค์ครองเมืองปะหมันสลัด วันหนึ่งวิหยาสะกำได้เสด็จประพาสป่า ได้เจอรูปนางบุษบาที่หายไป จึงคลั่งไคล้นางบุษบาเป็นอย่างมาก ท้าวกะหมังกุหนิงจึงสืบเรื่องและให้ทูตไปสู่ขอ แต่ท้าวดาหาได้ยกนางบุษบาให้จรกาไปแล้ว ท้าวกะหมังกุหนิง จึงตั้งใจจะยกทัพมาแย่งชิงนางบุษบาไป โดยให้ระตูปาหยังและระตูปะหมัน พระอนุชายกทัพมาช่วย โดยมีวิหยาสะกำเป็นทัพหน้า และพระอนุชาทั้งสองคนเป็นทัพหลัง

         ด้านท้าวดาหา เมื่อทราบความว่าท้าวกะหมังกุหนิงเตรียมยกทัพมาตี จึงได้ขอความช่วยเหลือจากท้าวกุเรปัน ท้าวกาหลัง และท้าวสิงหัดส่าหรี ท้าวกุเรปันจึงได้ส่งพระราชสาสน์มาฉบับหนึ่ง เพื่อให้อิเหนายกทัพมาช่วย อีกฉบับส่งให้ระตูหมันหยา พร้อมตำหนิที่นางจินตะหราวาตี ลูกสาวของระตูหมันหยา เป็นต้นเหตุของการเกิดศึกนี้ ระตูหมันหยารู้สึกผิดจึงส่งทัพไปช่วยอิเหนา ด้านท้าวกาหลังก็ให้ ตำมะหงงกับดะหมังมาช่วย และท้าวสิงหัดส่าหรีก็ส่งสุหรานากงมาช่วยเช่นกัน จนกระทั่งถึงเมืองดาหา อิเหนาจึงมีบัญชาให้รบกับท้าวกะหมังกุหนิง


         เมื่อทั้งสองฝ่าย ฝ่ายทัพของท้าวดาหาและท้าวกะหมังกุหนิงเผชิญหน้ากัน  สังคามาระตาก็ต่อสู้กับวิหยาสะกำ ซึ่งวิหยาสะกำเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำถูกสังคามาระตาสังหาร เมื่อท้าวกะหมังกุหนิงเห็นลูกตายก็โกรธ จึงควบม้าไล่ตามสังคามาระตา อิเหนาจึงเข้าสกัดเอาไว้และทั้งสองจึงต่อสู้กัน แต่อิเหนามองว่าท้าวกะหมังกุหนิงเก่งเพลงดาบจึงขอให้ใช้กริชสู้ สุดท้ายอิเหนาใช้กริชสังหารท้าวกะหมังกุหนิง ระตูปะหมันและระตูปาหยัง คิดว่าทัพของอิเหนานั้นยิ่งใหญ่เกินจะต้านทาน ไพร่พลจึงกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง ระตูทั้งสองจึงขอยอมแพ้อิเหนาพร้อมทั้งเข้าเฝ้า และคร่ำครวญว่ากะหมังกุหนิงไม่เคยรบแพ้ใคร แต่เพราะรักลูกมากเกินไปจึงติดประมาท วิหยาสะกำเองก็ตายตั้งแต่อายุยังน้อย แม้จะมีความกล้าหาญมากก็ตาม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น